วันพุธที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2553

ขนมไทยแฟนซี

ขนมไทยแฟนซี


ขนมไทยเป็นขนมที่อยู่กับคนไทยมาช้านาน แต่ปัจจุบันได้ถูกละเลย เนื่องจากมีขนมต่างชาติเข้ามา ทำให้วัยรุ่นหันไปสนใจขนมของต่างชาติมากกว่า จึงมีแนวคิดที่จะอนุรักษ์ขนมไทยให้เป็นที่นิยมมากขึ้น เพื่อดึงดูดให้ผู้บริโภคเกิดความสนใจ โดยการดัดแปลงนำเอาเทคนิคต่างๆ ของขนมต่างชาติ มาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับขนมไทยเช่น การเพิ่มสีสันให้ดูน่ารับประทาน การดัดแปลงรูปแบบและการตกแต่งขนม เพื่อเพิ่มมูลค่าและความแปลกใหม่ให้กับขนมไทย

ขนมไทยแฟนซี จึงเป็นอีกทางเลือกที่ผู้บริโภคสามารถเลือกรับประทาน หรือมอบเป็นของขวัญให้แก่คนพิเศษในโอกาสต่างๆ ได้

ขนมไทยประเภทนึ่ง





ขนมชั้นสีรุ้ง ก็หมายถึงการได้เลื่อนชั้น เลื่อนยศฐาบรรดาศักดิ์ให้สูงส่งยิ่งๆ ขึ้นไป ซึ่งในอดีตจะนิยมเป็นสีขาวจากกะทิ และสีเขียวจากใบเตย จึงได้ประยุกต์ให้เข้ากับยุกสมัยจึงได้คิดทำเป็นขนมชั้น สายรุ้งเพื่อความแปลกใหม่และเป็นที่สนใจ

ส่วนผสม
หัวกะทิ 4 ถ้วย
น้ำตาลทราย 3 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 1 ถ้วย
แป้งถั่วเขียว 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งท้าวยายม่อม 1 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
แป้งมัน 2 ถ้วย
ใบเตย 10 ใบ คั้นน้ำข้น ๆ

วิธีทำ
1. เชื่อมน้ำเชื่อมโดยใช้น้ำ 1 ถ้วย น้ำตาลทราย 3 ถ้วย
2. ผสมแป้งทั้ง 4 ชนิด เข้าด้วยกัน แล้วนวดกับกะทิ โดยค่อย ๆ ใส่กะทิทีละน้อย ๆ นวดนาน ๆ จนกะทิหมด แล้วใส่น้ำเชื่อมคนให้เข้ากัน พอให้แป้งติดหลังมือนิดหน่อย
3. กรองแป้งทั้งหมด แล้วแบ่งแป้งเป็นสีตามต้องการ
4. นำถ้วยแก้วไปนึ่งแล้วทาน้ำมันให้ทั่ว ใส่แป้งสีประมาณ 1/4 ถ้วย แล้วนึ่งให้สุกประมาณ 5 นาที แล้วใส่แป้งชั้นต่อไป แล้วนึ่งอีกประมาณ 5 นาที ทำไปจนครบสีสีทีต้องการ เมื่อสุกยกลงทิ้งให้เย็น




ขนมพะพายเป็นขนมนิยมใช้ในพิธีแต่งงาน เพราะเชื่อกันว่าแป้งข้าวเหนียวที่ใช้หุ้มไส้หมายถึงความเหนียวแน่นมั่นคง ส่วนความหวานของไส้คือความรักอันแสนหวาน ที่จะเกิดกับคู่แต่งงาน ขนมพะพายเป็นขนมไทยที่หาทานได้ยากในปัจจุบัน คงเป็นการดีหากจะนำกลับมาให้ได้รู้จักกันอีกครั้ง

ส่วนผสม
แป้งข้าวเหนียว 1 ถ้วย
น้ำคั้นใบเตย
ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1 ถ้วย
กะทิ 1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย 1 1/2 ถ้วย
เกลือนิดหน่อย กะทิ 1/2 ถ้วย
แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. เริ่มจากต้มถั่วให้สุก แล้วกวนกับกะทิและน้ำตาลจนถั่วมีลักษณะแห้ง พักไว้ แล้วปั้นเป็นก้อนกลมๆ
2. ผสมแป้งกับน้ำคั้นใบเตย โดยค่อยๆใส่น้ำทีละนิด จนแป้งรวมตัวกันดี แต่ไม่แฉะ นวดจนกระทั่งแป้งเนียนนุ่ม
3. หยิบแป้งมาปั้นเป็นก้อนกลมซักประมาณ 1 นิ้ว แล้วแผ่แป้งออก นำใส้ถั่วที่กวนไว้ ใส่ตรงกลาง หุ้มใส้ให้มิดแล้วคลึงให้กลม
4. ต้มน้ำให้เดือด ใส่แป้งที่ทำไว้ลงนึ่ง
5. ต้มกะทิใส่เกลือนิดหน่อย ต้มพอแตกมันแล็กน้อย ชิมดู รสหวานตามชอบ ใส่แป้งลงในกะทิ ก่อนเสิร์ฟราดหน้าขนมด้วยกะทิเล็กน้อย

ขนมไทยประเภทเชื่อม

มันเชื่อมวิ้ปปิ้งช็อคโก้




มันเชื่อมวิ้ปปิ้งช็อคโก้ เป็นขนมหวานไทยที่น่ารับประทานอีกชนิดหนึ่ง นิยมรับประทานโดยการราดน้ำกะทิเพื่อเพิ่มรสชาติความอร่อย แต่มันเชื่อมรูปแบบใหม่นี้ได้เปลี่ยนจากการราดด้วยน้ำกะทิมาเป็นวิปปิ้งครีมแทน และเมื่อเพิ่มช็อคโกแล็ตเข้าไปด้วย ก็จะได้รสชาติและหน้าตาของมันเชื่อมอีกรสชาติหนึ่ง

ส่วนผสม
มันเทศ
น้ำปูนใส
น้ำตาลทราย(ละลายเป็นน้ำเชื่อม)
ช็อกโกแล็ต

อุปกรณ์
กะทะทองเหลือง
ผ้าขาวบาง
ที่บีบวิปปิ้งวิธีทำ
1.เริ่มจากปอกเปลือกทำความสะอาดมันเทศแล้วนำไปแช่ในน้ำปูนใส(ถ้าทำเยอะ ก็ควรแช่นานๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง)
2.ตั้งกะทะทองหรือหม้อทำน้ำเชื่อม โดยการใส่น้ำลอยดอกไม้และน้ำตาลทรายเชื่อม แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางก่อนขั้นแรก
3.นำน้ำเชื่อมที่กรองสะอาดแล้วมาเชื่อม โดยใส่มันเทศที่ผ่านการแช่น้ำปูนใสมาล้างทำความสะอาดด้วยน้ำเปล่าอีกรอบ ลงไปเชื่อมในน้ำเชื่อม (ใช้ไฟอ่อนๆเชื่อมไปเรื่อยๆ ประมาณ 1 ชั่วโมง) เมื่อสุกจึงตักขึ้น
4.จากนั้นตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีมและช็อคโกแล็ตได้ตามความชอบ





มันเทศช็อกวิปคัพเค้ก

มันเทศช็อกวิปคัพเค้ก เป็นขนมกินเล่นอย่างหนึ่งที่หลายคนในยุคปัจจุบันอาจจะไม่ค่อยมีโอกาศได้รับประทาน มัน เทศนึงนิยมรับประทานเปล่า ๆ หรือบางคนอาจจะนิยมไปจิ้มน้ำตาลทรายเพื่อเพิ่มความหวาน แต่เมื่อเปลี่ยนรูปแบบการทานให้ดูมีรสนิยมขึ้น จึงได้มีการผสมผสานระหว่างมันเทศนึงและช็อคโกแล็ต ทำให้ได้ของหวามทานเล่นรูปแบบใหม่มาอีกรสชาติหนึ่ง

ส่วนผสม
มันเทศ
ช็อคโกแล็คแบบละลายแล้ว
วิปปิ้งครีม

อุปกรณ์
หม้อนึ่ง
ที่บีบวิปปิ้งครีม

วิธีทำ
1.นำมันเทศมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นหนาประมาณ 0.5 - 1 ซ.ม.และล้างด้วยน้ำสะอาด
2.นำมันเทศไปนึ่งในหม้อนึ่งจนสุก (ระวังอย่าให้สุกจนเนื้อมันเทศเละ)
3.นำมันเทศจัดวางบนจาน ตกแต่งด้วยวิปปิ้งครีม ทานกับช็อกโกแล็คแบบละลายแล้ว หรือจะราดบนชิ้นของมันเทศนึ่งเลยก็ได้

ขนมไทยประเภทน้ำกะทิ

ทับทิมแฟนซี

ทับทิมแฟนซี เป็นขนมหวานที่รับประทานได้ทุกฤดูกาล รับประทานแล้วหอมหวานเย็นอร่อยชื่นใจคลายร้อนได้ดี ซึ่งทับทิมแฟนซีจะมีสีสันที่มากมาย เมื่อเคี้ยวแล้วกรอบมันด้วยรสชาติของผลไม้ที่มีหลากหลายชนิด เช่น แอปเปิ้ล แตงโม ฝรั่ง สับประรด แคนตาลูป เพื่อให้เวลารับประทานจะได้มีความอร่อยที่หลากหลายและเพลิดเพลินไปกับการรับประทานขนมหวาน

ส่วนผสม
1.แอปเปิ้ล / ฝรั่ง / สับประรด / แคนตาลูป หั่นชิ้นเล็กๆ อย่างละ 1 ถ้วย
2.แป้งมัน 1 ½ ถ้วย
3.น้ำตาลทราย 450 กรัม
4.น้ำทำน้ำเชื่อม ¾ ถ้วย
5.มะพร้าวขาวขูด 500 กรัม
6.น้ำแข็ง
7.สีธรรมชาติ สีเขียว สีเหลือง สีน้ำเงิน สีชมพู
-สีเขียว ( คั้นน้ำใบเตย หั่นใบเตยเป็นฝอย แล้วโขลกให้ละเอียด ใส่น้ำเล็กน้อย คั้นเอาน้ำเตยออกให้เข้มข้นที่สุด กรองด้วยผ้ากรอง พยายามอย่าให้กากใบเตยหล่นลงไปในน้ำที่กรองแล้ว )
-สีเหลือง ( จากขมิ้น ใช้ขมิ้นสดมาโขลกและคั้นเอาแต่น้ำ )
-สีน้ำเงิน ( จากดอกอัญชันสีน้ำเงิน นำดอกอัญชันมาโขลก คั้นเอาแต่น้ำ บีบมะนาวลงเล็กน้อยให้สีสด )
-สีชมพู ( จากปูนแดง นำปูนแดงมาละลายน้ำใช้ทำสีชมพู )

วิธีทำ
1.ละลายสีผสมอาหารต่างๆกับน้ำเล็กน้อย แช่ผลไม้ต่างๆลงในถ้วยแต่ละใบ -สีเขียว แอปเปิ้ล / สีเหลือง สับประรด / สีน้ำเงิน แคนตาลูป / สีชมพู ฝรั่ง
2.เอาผลไม้ต่างๆคลุกแป้งให้ติดมากๆ ใส่กระชอนร่อนให้แป้งร่วน
3.ต้มน้ำ 5 ถ้วยให้เดือด ลวกเม็ดทับทิม พอลอย 3 นาที ตักใส่ในผ้าขาวบางไว้
4.คั้นมะพร้าวใส่น้ำ ¼ ถ้วย คั้นให้ได้ ¾ ถ้วย
5.ผสมน้ำเชื่อมกับกะทิ เวลารับประทานให้ตักเม็ดทับทิมหลายๆๆสี ใส่ถ้วย ใส่น้ำแข็ง
6.เวลาทานทับทิมแฟนซี อาจใส่ ท๊อปปิ้ง ช๊อคโกแล็ตเพิ่ม เพื่อเพิ่มความอร่อย และแปลกใหม่ยิ่งขึ้น หมายเหตุ แบ่งน้ำเชื่อมออกมาครึ่งหนึ่ง ใส่ในอ่างใส่ทับทิมกรอบ เพื่อไม่ให้ทับทิมติดกัน แล้วจึงเอาน้ำเชื่อมที่เหลือมาใส่ผสมกะทิ


ลอดช่อง 5 สี


ลอดช่อง 5 สี เป็นขนมหวานที่มีการดัดแปลงในเรื่องของตัวแป้งลอดช่องในมีสีสันที่หลากหลายโดยสีที่น้ำมาผสมตัวแป้งลอดช่องจะเป็นสีจากธรรมชาติ ซึ่งปลอดภัยต่อผู้บริโภค เวลารับประทานราดด้วยกะทิ หรือเพิ่มท๊อปปิ้ง ผลไม้ต่างๆ ก็ทำให้การรับประทานขนมหวานมีความอร่อยมากยิ่งขึ้น

ส่วนผสมตัวลอดช่อง
แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
แป้งเท้ายายม่อมหรือแป้งมัน 1/ 2 ถ้วย
น้ำปูนใส 4 ถ้วย
น้ำสีชมพู ( จากปูนแดง นำปูนแดงมาละลายน้ำใช้ทำสีชมพู ) 1 ถ้วย
น้ำสีเหลือง( จากขมิ้น ใช้ขมิ้นสดมาโขลกและคั้นเอาแต่น้ำ ) 1 ถ้วย
น้ำสีม่วง ( จากอัญชันสีม่วง นำดอกอัญชันมาโขลก คั้นเอาแต่น้ำ บีบมะนาวลงเล็กน้อยให้สีสด ) 1 ถ้วย น้ำสีน้ำเงิน ( จากดอกอัญชันสีน้ำเงิน นำดอกอัญชันมาโขลก คั้นเอาแต่น้ำ บีบมะนาวลงเล็กน้อยให้สีสด ) 1 ถ้วย
น้ำสีแดง ( กระเจี๊ยบ นำส่วนที่เป็นกลีบหุ้มผลนำมาต้มกับน้ำ ) 1 ถ้วย

หมายเหตุ : ส่วนผสมของแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม น้ำปูนใส ดังกล่าวเป็นอัตราส่วนของตัวลอดช่อง 1 สี

วิธีทำ
1. ผสมแป้งทั้งสองชนิดเข้าด้วยกัน ใส่น้ำปูนใสทีละน้อย นวดจนแป้งนิ่มมือ จึงใส่น้ำปูนใสที่เหลือ จากนั้นละลายแป้งด้วยน้ำใบเตย คนให้เข้ากัน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบาง
2. นำส่วนผสมทั้งหมดใส่กระทะทอง ยกขึ้นตั้งไฟกวน ไฟปานกลาง จนข้นและเหนียวดี
3. เทใส่พิมพ์ กดแป้งที่กวนเสร็จแล้วใส่ในภาชนะที่มีน้ำเย็น (ขณะกดแป้ง ต้องพักมือด้วย อย่ากดแป้งยาวไปโดยไม่มีการพักมือ มิฉะนั้นตัวแป้งจะยาวเป็นเส้นสลิ่มหรือขนมจีนแทน) พักขนมไว้ในน้ำเย็นจนขนมอยู่ตัว จึงตักขึ้นใส่ภาชนะที่มีน้ำเย็นเล็กน้อย

ส่วนผสมสำหรับทำน้ำกะทิสด
มะพร้าวขูดขาว 800 กรัม
น้ำอุ่น 2 + 1/ 2 ถ้วย
น้ำตาลปีบ 3 ถ้วย
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
เกลือป่น 1 ช้อนชา
เกลือเม็ดนิดหน่อย
ดอกมะลิ

วิธีทำ
1. นำมะพร้าวขูดขาว (ถ้าจะให้ดีควรขูดเอง) มานึ่งพอร้อน ยกลงทิ้งไว้ให้อุ่น ใส่เกลือเม็ดลงไป แล้วขยำให้เข้ากัน ค่อย ๆ เทน้ำอุ่นลงไปคั้นกะทิ ให้ได้กะทิข้น ๆ 5 ถ้วย
2. ผสมกะทิที่คั้นได้กับน้ำตาลทั้งสองชนิด ใช้ทัพพีคนให้เข้ากัน ใส่เกลือ แล้วนำไปกรองด้วยผ้าขาวบาง
3. เทใส่ภาชนะมีฝาปิดสนิท ลอยด้วยดอกมะลิ หรืออบควันเทียนตามใจชอบ ใช้รับประทานกับตัวแป้งที่ทำเสร็จแล้ว

ขนมไทยประเภทไข่

ข้าวเหนียวสังขยาแฟนซี


ข้าวเหนียวสังขยาแฟนซีเป็น ขนมหวานชนิดหนึ่งที่มีขั้นตอนทำที่ง่าย มีรสชาติอร่อย มีการเพิ่มหน้าของสังขยาที่มีประโยชน์และสีสันให้มีความหลากหลายน่ารับประทาน มากยิ่งขึ้น

แฟนซีประกอบด้วย 2 ส่วน มีข้าวเหนียวมูลกับสังขยา
ส่วนผสมข้าวเหนียวมูล
- ข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวงนึ่งสุกร้อนๆ
- หัวกะทิ 1 ถ้วยตวงครึ่ง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1 ช้อนชา วิธีทำข้าวเหนียวมูล
- นำกะทิใส่หม้อตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่นลงไป - คนกะทิเรื่อยๆ เพราะจะไหม้ติดก้นหม้อได้ รอจนกะทิเดือด
- ยกไปเทใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งสุกร้อนๆ คนให้เข้ากันทั่วๆ
- คนเสร็จปิดฝาหม้อให้มิดชิด เพื่ออบข้าวเหนียวไว้ประมาณ 10 นาที
- เปิดฝาหม้อแล้วคนใหม่อีกครั้งกลับให้ล่างขึ้นบนให้บนลงล่าง แล้วปิดฝาหม้อให้มิดชิดอีกครั้ง 10 นาทีค่อยเปิดออก ได้ข้าวเหนียวมูลที่พร้อมจะทานกับสังขยา
ส่วนผสมสังขยา
- ไข่ไก่ 3 ฟอง หรือไข่เป็ดก็ได้ค่ะ
- กะทิ 1 ถ้วย
- น้ำตาล 1 ถ้วย
- น้ำใบเตยสด 3 ช้อนโต๊ะ หน้าของสังขยา
-แครอทต้มหรือนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง
-ฟักทองต้มหรือนึ่งสุกบดละเอียด 1 ถ้วยตวง
-ข้าวโพด 1 ถ้วยตวง -มันต่อเผือก1 ถ้วยตวง
- เผือก 1 ถ้วยตวง -สีผสมอาหารสีต่างๆ วิธีทำสังขยา
- ตอกไข่ใส่ถ้วยตีให้ไข่แตกเป็นฟองฟู แล้วเทน้ำใบเตยใส่ลงไป
- ใส่น้ำตาลลงไป ตีส่วนผสมให้เข้ากัน จนขึ้นฟู
- ใส่กะทิลงไป แล้วตีให้กะทิเข้ากับส่วนผสมทั้งหมด
- เทหน้าของสังขยาต่างๆลงไปผสมในสังขยา อย่างละ 1 หน้า แล้วคนให้เข้ากัน
- ใส่สีผสมอาหารลงในหน้าต่างๆ ให้สังขยาเปลี่ยนเป็นสีต่างๆ ข้าวโพดใส่สีเหลือง , แครอทใส่สีส้ม , ฟักทองใส่สีชมพู , เผือกใส่สีฟ้า , มันต่อเผือกใส่สีม่วง
- นำไปนึ่งจนสุก แค่นี้เราก็ได้ส่วนที่เป็นสังขยาทั้งหมด 5 ประเภท
วิธีนำมารับประทาน ตักข้าวเหนียวมูลใส่จาน ตักสังขยาวางบนข้าวเหนียว นำไปรับประทาน
ขนมหวานซูชิ


ขนมหวานซูชิ ขนมหวานซูชิ เป็นขนมไทยรูปแบบใหม่ ที่เปลี่ยนรูปร่างของขนมไทยให้คล้ายกับอาหารญี่ปุ่น สร้างความแปลกใหม่ให้กับขนมไทย น่ารับประทานยิ่งขึ้น ขนมหวานซูชิประกอบด้วย 2 ส่วน มีข้าวเหนียวมูลกับหน้าซูชิ
ส่วนผสมข้าวเหนียวมูล
- ข้าวเหนียว 2 ถ้วยตวงนึ่งสุกร้อนๆ
- หัวกะทิ 1 ถ้วยตวงครึ่ง
- น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
- เกลือป่น 1 ช้อนชา
วิธีทำข้าวเหนียวมูล
- นำกะทิใส่หม้อตั้งไฟ ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่นลงไป
- คนกะทิเรื่อยๆ เพราะจะไหม้ติดก้นหม้อได้ รอจนกะทิเดือด
- ยกไปเทใส่ข้าวเหนียวที่นึ่งสุกร้อนๆ คนให้เข้ากันทั่วๆ - คนเสร็จปิดฝาหม้อให้มิดชิด เพื่ออบข้าวเหนียวไว้ประมาณ 10 นาที
- เปิดฝาหม้อแล้วคนใหม่อีกครั้งกลับให้ล่างขึ้นบนให้บนลงล่าง แล้วปิดฝาหม้อให้มิดชิดอีกครั้ง 10 นาทีค่อยเปิดออก
-ได้ข้าวเหนียวมูลที่พร้อมจะทานกับหน้าซูชิ
ส่วนผสมหน้าซูชิ
ไข่เป็ด 4 -5 ฟอง
น้ำตาลทราย 2 ถ้วย
น้ำลอยดอกมะลิ 2 ถ้วย
สีผสมอาหารสีต่างๆ
วิธีทำ
1. ต่อยไข่เป็ดใส่ชาม แล้วแยกไข่แดงออกจากไข่ขาว ใช้ไข่ขาวผสมกับสีผสมอาหารสีต่างๆ กระทะทองตั้งไฟเคี่ยว น้ำลอยดอกมะลิและน้ำตาลทรายให้เป็นน้ำเชื่อมพอดีไม่เหนียวหรือใสจนเกินไป
2. นำใบตองมาม้วนเป็นรูปกรวย แล้วใช้ไม้กลัดกลัดไว้ ตัดปลายกรวยให้เป็นรูเล็ก ๆ ตักไข่ใส่ลงในกรวยใบตองบีบเบา ๆ ให้ไข่หยดลงในกระทะทองให้เป็นเม็ดกลม ๆ เล็ก ๆ ลงในน้ำเชื่อมที่ค่อนข้างนิ่งดี พอหยอดแล้วจึงเพิ่มไฟขึ้น เพื่อไข่จะได้สุก ประมาณ 2 -3 นาที จึงใช้ทัพพีโปร่งตักขึ้น พักไว้ให้เย็น
วิธีนำมารับประทาน ตักข้าวเหนียวมูลใส่พิมพ์รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเล็กๆ ตักหน้าซูชิ สีต่างๆ วางบนข้าวเหนียว นำไปรับประทาน

ขนมไทยประเภทกวน

< ลูกชุบช็อกโก้ >


ลูกชุบช็อกโก้ เป็นขนมไทยสมัยใหม่ ที่มีการดัดแปลงทำให้มีขนมใหม่ และเพิ่มความหลากหลายมากขึ้นโดยการนำลูกชุบ ไปชุบในช็อกโกแลตแทนวุ้น เพื่อเป็นจุดดึงดูดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับขนมไทยของเราอีกด้วย

ส่วนผสม
1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1/2 กก.
2. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1/2 กก.
4. ผงช็อกโกแลต 1/2 กก.
5. น้ำ 5 ถ้วยตวง

วัสดุที่ต้องใช้
1. กระทะทองเหลือง
2. ไม้พาย
3. ไม้เสียบลูกชิ้น หรือไม้จิ้มฟัน
4. สีผสมอาหาร
5. จานสี
6. พู่กัน

วิธีทำ
1. เริ่มจากการล้างถั่วที่เลือกเอาเมล็ดเสียออกแล้วด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง เทน้ำทิ้ง แช่ด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งประมาณ 3-4 ชั่วโมง เทน้ำทิ้งแล้วล้างอีกครั้ง
2. นำถั่วที่ล้างสะอาดแล้วไปนึ่งให้สุก จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด
3. นำน้ำตาลและกะทิมาต้มด้วยไฟอ่อนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ในขั้นตอนนี้ควรคนตลอดเวลา เพื่อไม่ให้กะทิเป็นลูก
4. นำถั่วที่บดจนละเอียดแล้วใส่ลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟปานกลาง ค่อยๆ ทยอยใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวได้ที่แล้วลงไปทีละน้อย เทไปกวนไปจนหมด ที่สำคัญต้องกวนไปในทางเดียวกัน จนถั่วเริ่มแห้ง ให้หรี่ไฟลง รอจนถั่วเริ่มแห้งและร่อนออกจากกระทะ จึงนำออกมานวดจนเนียน
5. ขั้นตอนต่อไปก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการปั้นของแต่ละคน เมื่อปั้นได้รูปแล้ว ก็นำมาเสียบกับไม้จิ้มฟัน หรือไม้เสียบลูกชิ้น ระบายสีตามชอบ
6. ระบายสีเสร็จแล้ว ก็นำไม้ไปเสียบไว้ที่โฟม รอจนสีแห้ง
7. การทำช็อกโกแลต เริ่มจากนำผงช็อกโกแลตและใส่หม้อโดยตั้งที่ไฟอ่อนคนไปเรื่อยๆ จะเหลว ยกลงทิ้งไว้สักครู่
8. นำถั่วที่ลงสีแล้วชุบช็อกโกแลต 1 ครั้ง ปักบนโฟม รอให้แห้ง แล้วจึงชุบครั้งที่ 2 เมื่อช็อกโกแลตแข็งตัวดีแล้วจึงถอดออกจากไม้จิ้ม ใช้กรรไกรตัดส่วนที่ไม่ต้องการทิ้ง แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย

หมายเหตุ : อาจชุบช็อกโกแลตเต็มๆ ลูกชุบ หรือไม่ก็สามารถชุบครึ่งลูกเพื่อให้เห็นความแตกต่างและรู้ว่าลูกชุบนั้นเป็นรูปผลไม้อะไร



< ลูกชุบแคนดี้ >



ลูกชุบแคนดี้ เป็นขนมไทยสมัยใหม่ที่ดัดแปลงทำให้มีขนมใหม่ เพิ่มความหลากหลายมากขึ้นโดยการนำลูกชุบ ไปชุบในช็อกโกแลตไวท์ช็อกโกแลตที่ได้มีการผสมกับสีผสมอาหารที่มีหลากสีสันแทนการชุบด้วยวุ้น เพื่อเป็นจุดดึงดูดอย่างหนึ่ง ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับขนมไทยของเราอีกด้วย
ส่วนผสม
1. ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1/2 กก.
2. หัวกะทิ 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 1/2 กก.
4. ผงไวท์ช็อกโกแลต 1/2 กก.
5. น้ำ 5 ถ้วยตวง
วัสดุที่ต้องใช้
1. กระทะทองเหลือง
2. ไม้พาย
3. ไม้เสียบลูกชิ้น หรือไม้จิ้มฟัน
4. สีผสมอาหาร 5. จานสี
6. พู่กัน
วิธีทำ
1. เริ่มจากการล้างถั่วที่เลือกเอาเมล็ดเสียออกแล้วด้วยน้ำสะอาด 1 ครั้ง เทน้ำทิ้ง แช่ด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งประมาณ 3-4 ชั่วโมง เทน้ำทิ้งแล้วล้างอีกครั้ง
2. นำถั่วที่ล้างสะอาดแล้วไปนึ่งให้สุก จากนั้นนำไปบดให้ละเอียด
3. นำน้ำตาลและกะทิมาต้มด้วยไฟอ่อนให้ส่วนผสมเข้ากันดี ในขั้นตอนนี้ควรคนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้กะทิเป็นลูก
4. นำถั่วที่บดจนละเอียดแล้วใส่ลงในกระทะทองเหลือง ตั้งไฟปานกลาง ค่อยๆทยอยใส่น้ำกะทิที่เคี่ยวได้ที่แล้วลงไปทีละน้อย เทไปกวนไปจนหมด ที่สำคัญต้องกวนไปในทางเดียวกัน จนถั่วเริ่มแห้ง ให้หรี่ไฟลง รอจนถั่วเริ่มแห้งและร่อนออกจากกระทะ จึงนำออกมานวดจนเนียน
5. ขั้นตอนต่อไปก็ขึ้นอยู่กับฝีมือการปั้นของแต่ละคน เมื่อปั้นได้รูปแล้ว ก็นำมาเสียบกับไม้จิ้มฟัน หรือไม้เสียบลูกชิ้น ระบายสีตามชอบ
6. ระบายสีเสร็จแล้ว ก็นำไม้ไปเสียบไว้ที่โฟม รอจนสีแห้ง
7. การทำไวท์ช็อกโกแลต เริ่มจากนำผงไวท์ช็อกโกแลตและใส่หม้อโดยตั้งที่ไฟอ่อนคนไปเรื่อยๆ จะเหลวแล้วจึงหยดสีผสมอาหารลงไปเล็กน้อยเพื่อให้เกิดสีสันที่สวยงาม จากนั้นก็ยกลงทิ้งไว้สักครู่
8. นำถั่วที่ลงสีแล้วชุบช็อกโกแลต 1 ครั้ง ปักบนโฟม รอให้แห้ง แล้วจึงชุบครั้งที่ 2 เมื่อช็อกโกแลตแข็งตัวดีแล้วจึงถอดออกจากไม้จิ้ม ใช้กรรไกรตัดส่วนที่ไม่ต้องการทิ้ง แค่นี้ก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
หมายเหตุ : อาจชุบช็อกโกแลตเต็มๆ ลูกชุบ หรือไม่ก็สามารถชุบครึ่งลูกเพื่อให้เห็นความแตกต่างและรู้ว่าลูกชุบนั้นเป็นรูปผลไม้อะไร

ขนมไทยประเภทน้ำเชื่อม

วุ้นแก้วมังกร

วุ้นแก้วมังกร เป็นการดัดแปลงมาจากวุ้นกะทิและวุ้นใบเตย โดยการนำผลแก้วมังกรมาและใช้เนื้อของผลแก้วมังกรมาเป็นส่วนผสมในการทำวุ้นและนำมาใส่ในผลแก้วมังกร ทำให้ดูน่ารับประทานมากยิ่งขึ้นและยังเป็นประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อไป
ส่วนผสม
น้ำเต้าหู้ 2 ถ้วยตวง
วุ้นผง 2 ช้อนชา
สารให้ความหวาน หรือน้ำตาลทรายชนิดลดปริมาณแคลลอรี่ หรือน้ำผึ้ง ตามชอบ
เม็ดแมงลัก 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง
แก้วมังกร 2-3 ลูก
ขั้นตอนการทำ
1).ล้างแก้วมังกรให้สะอาดแล้วผ่าครึ่งเตรียมไว้
2). จากนั้นเอาเนื้อตรงกลางออก คว้านให้เหลือเนื้อข้าง ๆ ไว้
3). จากนั้นนำเม็ดแมงลักแช่ในน้ำให้พองตัวเต็มที่
4). จากนั้นนำน้ำเต้าหู้ขึ้นตั้งไฟ ( แบ่งไว้นิดนึงไว้ละลายวุ้นผงก่อนละลายข้างนอกก่อนเวลาใส่ลงไปจะได้ไม่จับตัวเป็นก้อน เทกลับลงไปในหม้อได้เลย
5). ต้มจนน้ำเต้าหู้เดือด
6). เมื่อเดือด ยกลงจากเตา ทิ้งไว้ให้พออุ่น ๆ
7). เติมน้ำตาลเทียม หรือว่าน้ำผึ้งลงไป คนให้เข้ากันความหวานตามชอบ ( ช้อนฟองออกด้วย )
8). จากนั้นก็เทลงในแก้วมังกรที่เราเตรียมเอาไว้
9). รอให้เซตตัวที่อุณหภูมิห้องแล้วค่อยเอาไปแช่ตู้เย็น
10). เอาออกมาหั่นเป็นชิ้น ๆ ตามชอบ สำหรับสูตรที่ให้นี่ใส่แก้วมังกร 2 ลูกกับแบบแก้ว 2 แก้วนะคะ สามารถลดลงได้ตามใจเลยค่ะ




วุ้นผลไม้ เป็นการนำเนื้อผลไม้ที่นำไปเชื่อมให้เกิดความหวานหอม นำมาใส่ในวุ้นเพื่อเพิ่มความสวยงามและเพิ่มความแปลกใหม่ในการทำวุ้นให้ดึงดูดสายตาชวนให้น่ารับประทานมากยิ่งขึ้น


ส่วนผสม (สำหรับ 30 - 40 ชิ้นเล็ก)
วุ้นชนิดเส้นของญี่ปุ่น(Kanten agar) 11 กรัม(1 ห่อ)
น้ำเปล่า 3 ถ้วย น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย
เหล้าสาเกหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
ผลไม้ตามชอบประมาณ 2 ถ้วย ( เช่น สตรอเบอร์รี่ กีวี่ มะเฟือง สับปะรด ส้ม องุ่น เป็นต้น)
พิมพ์น้ำแข็งลายที่ชอบ 4-5 พิมพ์

วิธีทำ
1). ตัดเส้นวุ้นคันเต็นให้เป็นท่อนสั้นๆ แช่ในน้ำเปล่าไว้จนนิ่ม
2). นำขึ้นตั้งไฟต้มจนละลายหมดประมาณ 15 นาที
3). เติมน้ำตาลทรายคนให้ละลายเข้ากันเติมเหล้าสาเกแล้วยกลงจากเตา หล่อไว้ในชามใส่น้ำอุ่น เพราะวุ้นนี้จะแข็งตัวเร็วมากต้องหล่อน้ำไว้ให้อุ่นอยู่ตลอด
4). ระหว่างต้มวุ้นให้เตรียมผลไม้ โดยหั่นผลไม้เป็นชิ้นเล็กๆประมาณ 1/3 ของพิมพ์ก็พอ
5). ตักน้ำวุ้นที่ต้มไว้ใส่พิมพ์ประมาณ 1/4 ของพิมพ์ (พิมพ์ที่ใช้ควรมีขนาดเล็กประมาณพิมพ์ทำน้ำแข็งตามบ้าน)
6). นำไปแช่เย็นให้ผิวหน้าตึง จึงวางผลไม้ไว้ตรงกลางแล้วตักน้ำวุ้นใส่แค่พอท่วมผลไม้
7). นำไปแช่เย็นไว้จนอยู่ตัว แล้วค่อยตักน้ำวุ้นใส่จนเต็มพิมพ์นำกลับไปแช่เย็นไว้ประมาณ 1 ชั่วโมงจนเย็นจัด

*** เหตุที่ต้องเทน้ำวุ้นหลายครั้งเพื่อให้ผลไม้อยู่ตรงกลางชิ้นวุ้น และช่วยให้นำออกจากพิมพ์ได้ง่าย เพราะถ้าผลไม้เอียงไปติดขอบพิมพ์วุ้นจะแตกได้ง่าย เมื่อแช่จนเย็นจัดแล้วนำออกจากตู้เย็น เคาะออกจากพิมพ์ใส่จานไว้แล้วนำกลับไปแช่เย็นไว้จนกว่าจะเสิร์ฟ